Search

ตรวจสอบบริษัทระดมทุนซื้อข้าวกอระ เสียหายหลายพันล้านบาท - ข่าวไทยพีบีเอส

ekonomiyangadaaja.blogspot.com

ผู้เสียหายร้อง สคบ.และ บก.ปคบ. เพื่อขอให้ ตรวจสอบบริษัทมหาชน ตั้งอยู่ที่จังหวัดร้อยเอ็ด อ้างมีใบอนุญาตขายตรง และชักชวนระดมทุน เพื่อซื้อข้าวกอระ มีเงินปันผลทุกวัน ไม่ต้องหาคนเพิ่มก็ได้เงิน พบมีผู้สมัครทั่วประเทศเกือบ 50,000 รหัส คาดเสียหายหลายพันล้านบาท

(22 ก.ย.2563) นางสาวกฤอนงค์ สุวรรณวงศ์ ผู้ก่อตั้งองค์การต่อต้านแชร์ลูกโซ่พร้อมตัวแทนผู้เสียหายจากหลายจังหวัด ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ พ.ต.อ.ประทีป เจริญกัลป์ เลขานุการกรม (สคบ.) เพื่อให้ตรวจสอบใบอนุญาต แผนการตลาด โครงการอสังหาริมทรัพย์ และสินค้าอื่นๆ เพื่อยุติความเสียหายไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะขณะนี้ส่วนใหญ่ผู้ที่ลงทุนยังไม่ได้รับเงินปันผลตามที่บริษัทกล่าวอ้าง จึงได้เรียกร้องขอเงินทุนคืนจากผู้บริหารบริษัทมหาชนและบริษัทในเครือที่อ้างว่ามีใบอนุญาต โดยให้ลงทุนซื้อข้าวสารและอาหารเสริม โดยอ้างว่าเป็นการช่วยส่งเสริมชาวนา ส่วนกรณีไม่จ่ายเงินปันผลนั้นอ้างว่าระบบคอมพิวเตอร์มีปัญหา และมีความผิดพลาดทางนโยบาย ฯลฯ 


ส่วนแผนการลงทุน คือ เริ่มต้นซื้อ 1ชุด เป็นเงิน 5,350 บาท จะได้ข้าวสาร10 - 22 กิโลกรัม ซึ่งแต่ละคนจะได้ไม่เท่ากัน
มีเงินปันผลทุกวัน วันละ1-150บาท จ่ายโบนัสทุก 7 วัน เช่นลงทุน 5,000 บาท +ค่าส่ง350บาท นาน 60 วัน จะได้ผลกำไร 9,000 บาท เฉลี่ยธุรกิจนี้ผลกำไรประมาณ 374% หากแนะนำสมาชิกต่อจะมีรายได้เป็นขั้นที่1-8 ได้ค่าแนะนำเริ่มต้นร้อยละ4-6
หนึ่งในผู้เสียหาย เปิดเผยว่า บริษัทนี้ก่อตั้งเมื่อ13 มี.ค.63 ไม่มีใบอนุญาตขายตรงจาก สคบ. ต่อมาเปลี่ยนมาเป็นอีกบริษัทหนึ่งซึ่งมีใบอนุญาตขายตรงอยู่แล้ว และเปลี่ยนชื่อกรรมการผู้จัดการ ทำให้ผู้เสียหายสงสัยว่ามีการซื้อใบอนุญาตต่อจากบริษัทอื่นมาดำเนินธุรกิจต่อหรือไม่


ส่วนการลงทุนส่วนใหญ่ผู้เสียหายรู้จักจากการชักชวนบอกต่อและการโฆษณาผ่านสื่อโทรทัศน์ ทำให้น่าเชื่อถือโดยผู้เสียหายเริ่มลงทุนตั้งแต่เดือน เม.ย-ก.ค.63 โดยทางบริษัทโฆษณาว่า”ไม่ต้องหาสมาชิกเพิ่มก็ได้เงิน แต่หากขยันหาสมาชิกก็ยิ่งมีรายได้ และมีโบนัสแจกมากมายเช่น รถยนต์หรู,ทองคำ

การลงทุนครั้งแรก ที่ได้ผลตอบแทนจริง ทำให้มีคนนำเงินมาลงทุนจำนวนมากถึง 300,000-หลักล้านบาท ต่อมาเข้าเดือนที่ 3-5 บริษัทเริ่มไม่จ่ายผลตอบแทน ทำให้เกิดความเสียหายในเฟสที่1 ต่อมาทางบริษัทให้ผู้เสียหายเฟสที่1ย้ายไปเฟสที่ 2 ซึ่งเป็นชื่อบริษัทใหม่ ซึ่งเฟสที่2 ยังมีการจ่ายเงิน แต่ขณะนี้เฟสที่1 ก็ยังไม่ได้เงินคืน โดยทางบริษัทอ้างว่าจะทยอยจ่ายเงินปันผลให้


นอกจากนี้ผู้เสียหายยังเข้าร้องเรียนกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการปราบปราม การกระทำความผิดเกี่ยวกับคุ้มครองผู้บริโภค หรือ บก.ปคบ. โดย พ.ต.ท.สง่า เอี่ยมงาม รอง ผกก.สอบสวน กก.2 บก.ปคบ.กล่าวว่า จะพิจารณารับเรื่องโดยขั้นตอนต่อไปคือเรียกผู้เสียหายมาสอบปากคำทั้งหมด และจะประสานกับสคบ.เพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทเพิ่มเติม รวมถึงหากมีความเสียหายจำนวนมาก ก็จะประสานกับตำรวจเศรษฐกิจ นอกจากนี้หากถามถึงคดีเกี่ยวกับขายตรง พบว่าปีนี้เกิดขึ้นมากกว่าปีที่ผ่านมา แม้ปีนี้จะมีสถานการณ์ระบายของCOVID-19 ก็ตาม


ส่วนกลุ่มคนตาบอดและผู้เสียหายในคดีเก่าทรูเฟรนด์ ได้มาติดตามถามความคืบหน้า เรื่องค่าปรับและการเยียวยาผู้เสียหายด้วยเช่นกัน ซึ่งทางเลขานุการกรม (สคบ.)กล่าวว่ากำลังเร่งดำเนินการในเรื่องนี้อยู่
นอกจากนี้ทางหน่วยงาน ได้เตือนภัยประชาชนเรื่องการลงทุนขอให้ใช้ความระมัดระวัง และตรวจสอบก่อนการลงทุนเสมอ

หากประชาชนมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับขายตรงแบบไม่ตรง และเกี่ยวกับผู้บริโภค ติดต่อสอบถามได้ที่ สายด่วน สคบ. โทร1166 หรือ 02-143-0440  ส่วนไกล่เกลี่ยออนไลน์ อ่านรายละเอียดได้ที่ http://dmediate.ocpb.go.th หรือร้องเรียนและปรึกษาได้ที่ บก.ปคบ.สายด่วน 1135

Let's block ads! (Why?)




September 22, 2020 at 08:50AM
https://ift.tt/3cw2MrT

ตรวจสอบบริษัทระดมทุนซื้อข้าวกอระ เสียหายหลายพันล้านบาท - ข่าวไทยพีบีเอส

https://ift.tt/3cjzlrF


Bagikan Berita Ini

0 Response to "ตรวจสอบบริษัทระดมทุนซื้อข้าวกอระ เสียหายหลายพันล้านบาท - ข่าวไทยพีบีเอส"

Post a Comment

Powered by Blogger.